ThaiPropertyToday

บีทีเอส กรุ๊ปฯ จับมือแสนสิริตั้งบริษัทร่วมทุนรุกคอนโดติดรถไฟฟ้า

บีทีเอส กรุ๊ปฯ จับมือแสนสิริตั้งบริษัทร่วมทุนรุกคอนโดติดรถไฟฟ้า
Decrease Font Size Increase Font Size Text Size Print This Page

เชื่อมั่นจุดแข็งด้าน ผู้นำการพัฒนาที่อยู่อาศัยของแสนสิริ

ผนึกศักยภาพของบีทีเอส กรุ๊ปฯ  พลิกโฉมวงการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ

 

จับตา 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ บีทีเอส กรุ๊ปฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน จับมือแสนสิริ ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้า เตรียมพลิกโฉมวงการที่อยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ ประกาศความร่วมมือกันพัฒนาบิ๊กโปรเจ็คต์อสังหาฯ ภายใต้บริษัทร่วมทุน เล็งเปิดตัวโครงการแรก มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ต้นปี 2558

 

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ร่วมทุนกับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่างบีทีเอส กรุ๊ปฯ และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)  50 : 50 จากวิสัยทัศน์ร่วมกันที่ต้องการสร้างสรรค์ปรากฎการณ์ใหม่ในประเทศไทย โดยบีทีเอส กรุ๊ปฯ และแสนสิริจะผนึกกำลังของสองกิจการ ร่วมมือกันใช้ทรัพยากรและศักยภาพที่โดดเด่นผสานกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นการพลิกมิติใหม่ให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่จะสร้างความยิ่งใหญ่และแตกต่างในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ แนวรถไฟฟ้าทั้งปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจะส่งผลประโยชน์สูงสุดคืนให้กับคนเมืองเพื่อให้มีทางเลือกใหม่ของการจับจองเป็นเจ้าของโครงการที่ให้ความสะดวกสบายทั้งในการเดินทาง การใช้ชีวิตเต็มที่กับไลฟ์สไตล์ที่เลือกและความสุขกับครอบครัวที่บ้านอย่างเต็มรูปแบบ

 

“ด้วยความแข็งแกร่งในด้านเงินทุนของบีทีเอส กรุ๊ปฯ เพื่อรองรับการลงทุนในส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า และความพร้อมด้านบุคลากร ประกอบกับรายได้ในส่วนของธุรกิจรถไฟฟ้าในปี 2557/2558 คาดว่าจะเติบโตถึง 12-15 เปอร์เซนต์ และการมีที่ดินที่พร้อมพัฒนาในมือของบีทีเอส กรุ๊ปฯ ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ เราจะร่วมกันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตลอดเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต ที่จะมีระบบขนส่งมวลชนความยาวนับร้อยกิโลเมตร โดยความร่วมมือแรก คือการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม วิว 3 สวนสาธารณะ พื้นที่รวมกว่า 700 ไร่ โดยไม่มีอะไรมาบดบังทัศนียภาพ รวมถึงโครงการอื่นๆ มูลค่ารวมกว่า 25,000 ล้านบาท ที่จะตามมาในอนาคต” นายคีรี กล่าว

 

นายคีรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ธุรกิจอื่นๆ ในบีทีเอส กรุ๊ปฯ อาทิเช่น แรบบิท (Rabbit) ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดที่มีอัตราการเติบโตในระดับที่น่าพอใจ โดยมีผู้ถือบัตรอยู่ในขณะนี้จำนวน 3 ล้านใบ และพันธมิตรร้านค้าที่ร่วมกับบัตรกว่า 2,000 ร้าน เป็นตัวอย่างของโอกาสการสร้างความแตกต่างให้แก่โครงการคอนโดมิเนียมที่ร่วมกันเป็นพันธมิตรระหว่างบีทีเอส กรุ๊ปฯ กับ แสนสิริ ให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ที่มีโอกาสสร้างการบริการรูปแบบใหม่ในอนาคต จากการเป็นพันธมิตรในครั้งนี้

 

 

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การผสานความร่วมมือระหว่างแสนสิริ กับบีทีเอส กรุ๊ปฯ เกิดจากปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่ตรงกัน อันได้แก่ การนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อการสร้างไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า โดยตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา แสนสิริมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อตอบรับทุกความต้องการของลูกค้า โดยปัจจุบัน บริษัทได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภท บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมคุณภาพทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ด้วยจำนวนโครงการกว่า 280 โครงการ จำนวนที่อยู่อาศัยกว่า 28,000 ครัวเรือน ที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศกว่า 15 จังหวัด

 

“ธุรกิจหลักของ แสนสิริ คือการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย แต่เราเล็งเห็นถึงความสำคัญและโอกาส เราจึงยังมีหน่วยธุรกิจอื่นๆ ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุกิจหลักอย่างต่อเนื่อง และนับเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯ ครบวงจรรายเดียวในประเทศ ในวันนี้ บริษัทมีความพร้อมที่จะประกาศแล้วว่า กลุ่มบริษัทแสนสิริมีศักยภาพเป็นมากเพียงพอที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร และพร้อมที่จะช่วยต่อยอดหรือขยายโอกาสในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กับพันธมิตรที่สำคัญของแสนสิริ เพื่อเป็นการประสานให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดร่วมกัน รวมถึงเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งและแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย จากวันนี้ เราจะได้เห็นอีกก้าวหนึ่งของการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นการผนวกพลังระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจระยะยาวที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กันและกันอย่างยั่งยืน” นายอภิชาติ กล่าว

 

ทั้งนี้ โครงการภายใต้การร่วมทุนโครงการแรก บริษัทจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท ในทำเลบริเวณสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวโครงการในช่วงต้นปี 2558

 

“ในฐานะที่แสนสิริเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมมายาวนานกว่า 30 ปี มีความมั่นใจในศักยภาพการพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการแรกภายใต้การร่วมทุน จากศักยภาพของทำเล ที่ตั้งอยู่บนทำเลที่อยู่อาศัยที่เป็นย่านธุรกิจการค้าและไลฟ์สไตล์การชีวิตของคนกรุงเทพฯ รวมถึงอยู่บนเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกสบายที่สุดสำหรับชีวิตคนเมืองในวันนี้ด้วย ดังนั้นการที่แสนสิริพัฒนาคอนโดมิเนียมที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถสัมผัสทัศนียภาพของความเป็นเมืองได้โดยรอบ และสามารถรองรับกับความต้องการอยู่อาศัยในชีวิตเมืองหลวงอย่างแท้จริง ซึ่งเชื่อว่าโครงการแรกนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างแน่นอน” นายอภิชาติ กล่าว