ThaiPropertyToday

อนันดาฯ โชว์ผลงานรายได้ กำไรสุทธิ อัตรากำไรสุทธิทั้งปี ยอดขายรอรับรู้รายได้ สูงสุดเป็นประวัติการณ์

อนันดาฯ  โชว์ผลงานรายได้ กำไรสุทธิ อัตรากำไรสุทธิทั้งปี ยอดขายรอรับรู้รายได้ สูงสุดเป็นประวัติการณ์
Decrease Font Size Increase Font Size Text Size Print This Page

อนันดาฯ  โชว์ผลงานรายได้ กำไรสุทธิ อัตรากำไรสุทธิทั้งปี ยอดขายรอรับรู้รายได้ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อน

ตั้งเป้ายอดขายปี 2558 สูงสุดเป็นสถิติใหม่อีกครั้ง เตรียมเปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 31,500 ล้านบาท

 

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้า โชว์ศักยภาพการดำเนินงาน ประกาศความสำเร็จพร้อมเติบโตอย่างมั่นคง สร้างรายได้ปี 2557 กว่า 10,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 9,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิถึง 1,301 ล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 60% จากปีก่อนที่กำไร 812 ล้านบาท เป็นการพลิกฟื้นมีกำไรอย่างแท้จริงจากขาดทุน 199 ล้านบาทในปี 2555 พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่ากว่า 31,500 ล้านบาท มั่นใจสามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกรูปแบบชีวิตคนเมือง

 

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทประสบความสำเร็จสูงเกินจากแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้ โดยนับว่าเป็นปีที่บริษัทสามารถสร้างสถิติใหม่ทั้งในส่วนของรายได้ กำไรสุทธิ อัตรากำไรสุทธิ ยอดขายรอรับรู้รายได้ จากการมีวินัยทางการเงิน โดยสามารถสร้างยอดขายได้ดีกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้อย่างมาก ทำให้อัตรากำไรสุทธิของปี 2557 อยู่ที่ 12.3% เพิ่มขึ้นจาก 8.8% ในปีก่อน สำหรับในปี 2557 บริษัทฯ มียอดขายสูงกว่า 20,898 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน โดยมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีมูลค่าโครงการน้อยกว่าปี 2556 กว่า 50% สอดคล้องกับเงินลงทุนในการพัฒนาโครงการตั้งแต่การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ และนำกลับมาลงทุนใหม่ ขณะที่บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นปี 2557 จำนวน 27,150 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสถิติอีกครั้ง โดยมีกำหนดโอนตลอด 3 ปีข้างหน้า ซึ่งผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ของปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้ จำนวน 4,247 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 647 ล้านบาท แม้ว่าตัวเลขรายได้จะลดลง 30% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ในปี 2557 เป็นปีที่บริษัทฯ มีรายได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี แตกต่างจากปีก่อนซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากไตรมาสสุดท้ายของปี ขณะที่อัตรากำไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 15% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 16%

 

จากความสำเร็จที่ดีเกินกว่าเป้าหมายในการสร้างยอดขายทั้งปี 20,898 ล้านบาท แสดงถึงความต้องการที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้ายังมีอยู่มาก จากปี 2557 ที่บริษัทฯ ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า 4 โครงการใหม่ ด้วยยอดขายในการเปิดตัวถึง 83% สูงเป็นประวัติการณ์ จากการรับรู้ของผู้บริโภคที่ต้องการอาศัยในคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้ามากขึ้น  และความแข็งแกร่งของแบรนด์อนันดาและไอดีโอ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดในการพัฒนาคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า

 

ในปัจจุบันลูกค้าของอนันดาฯ ยังไม่มีผลกระทบทางการเงินจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจแต่อย่างใด  โดยมีกลุ่มลูกค้า    25-35% ใช้เงินสดทั้งหมดในการซื้อ ขณะที่อัตราส่วนลูกค้าที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินอยู่ในระดับไม่เกิน 6%

 

“ถึงแม้จะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจและการเมืองที่มีความผันผวน อนันดาฯ ก็ยังคงสร้างสถิติใหม่ทั้งรายได้ และกำไรทั้งปีได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น โดยสร้างอัตรากำไรสุทธิสูงสุดเช่นกัน จากการมีวินัยทางการเงินที่แข็งแกร่งและการควบคุมค่าใช้จ่ายจนทำให้ปัจจุบันอนันดาฯเป็นผู้นำการพัฒนาที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และในปี 2558 เตรียมเปิดโครงการใหม่อีกเท่าตัว ทำให้ อนันดาฯ ยังคงครองความเป็นผู้นำการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่มีความแข็งแกร่งต่อไป”

 

จากการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการเปิดตัวไปแล้ว 3 โครงการ โดยสามารถปิดการขายได้ 100% ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนทั้ง 3 โครงการ โดยทางมิตซุยได้ถ่ายทอดองค์ความรู้การบริหารและควบคุมคุณภาพโครงการ (TQPM : Total Quality Project Management System) และได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี Building Information Modeling ซึ่งครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดของบริษัทฯ โดยมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านระยะเวลาในการออกแบบ และควบคุมคุณภาพในอนาคต นอกจากนี้ได้ดำเนินการยกระดับระบบการจัดการภายในเพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัทฯ

 

สำหรับแผนดำเนินธุรกิจในปี 2558  โดยตั้งเป้ารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 10,547 ล้านบาท เติบโต 8% จากปี 2557 พร้อมมียอดขายรอรับรู้รายได้ในปี 2558 มูลค่า 6,220 ล้านบาท คิดเป็น 59% ของเป้าหมายรายได้ ทั้งนี้ในปี 2558 เป็น “Gap Year” ของบริษัทฯ จากการที่เงินลงทุนจาก IPO ยังไม่ได้สร้างผลตอบแทนอย่างเต็มที่ จนกระทั่งปีหน้า บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป จากโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขาย และเริ่มโอน

 

ในปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย 23,057 ล้านบาท จากโครงการใหม่ที่เปิดขายมากขึ้น มูลค่า 31,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% จากปี 2557 ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม 9 โครงการ และโครงการแนวราบ 3 โครงการ พร้อมทั้งจากยอดขายโครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายข้างต้นจากการเปิดขายโครงการใหม่ที่มีมูลค่าขายในการเปิดตัวเพียง 40% ขณะที่โครงการใหม่ที่มีเปิดขายในปี 2557 สามารถมียอดขายในการเปิดตัวสูงถึง 83% ซึ่งเป็นส่วนผลักดันให้เป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้น ตามความต้องการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทั้งนี้ในปี 2557 บริษัทฯ ได้ซื้อที่ดิน 18 แปลง มูลค่า 10,284 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีที่ดินเพียงพอในการพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เมื่อมีดีมานด์เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ ในไตรมาส 1  – 2 ปี 2558 บริษัทฯ มีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม17,045 ล้านบาท  โดยพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมบนสุดยอดทำเลศักยภาพใจกลางเมือง 3 โครงการ  ภายใต้แบรนด์ แอชตันและ“ไอดีโอ คิว”   และการเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้เซ็กเม้นท์ใหม่ “ยูนิโอ คอนโด” ( UNIO  Condo ) ประกอบด้วย

1.) โครงการแอชตัน จุฬา-สีลม  high-rise คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ โดยเป็นการร่วมทุนกันระหว่างอนันดาฯ และมิตซุย มีความสูง 56 ชั้น จำนวน 1,182 ยูนิต มีมูลค่าโครงการกว่า 8,267 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท  โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางความเจริญของกรุงเทพฯ (CBD) ห่างจาก MRT สามย่านเพียง 180 เมตร และใกล้ Interchange station   สีลม-ศาลาแดงเพียง 550 เมตร ตอบโจทย์ทุกความต้องการของชีวิตในเมือง ใกล้แหล่งธุรกิจ สถานฑูต  รายล้อมไปด้วยสถาบันการศึกษาชั้นนำ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และโรงเรียนสาธิตจุฬา รวมทั้งแหล่งไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งชั้นนำอย่างสยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิร์ล และจามจุรีสแควร์ อีกทั้งยังไม่ไกลจากสวนลุมพินี สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของของกรุงเทพฯ โดยตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตแบบเป็นที่สุดกับดีไซน์สไตล์ Modern Luxury & Eclectic ครบครันด้วย สิ่งอำนวยความสะดวก ตอบความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์ ให้ทุกการพักผ่อนเหนือระดับกว่าด้วยสระว่ายน้ำ โอโซน (ozone) ขนาด 50 เมตร อ่างออนเซ็น (Onzen) และ Double Floor Fitness รับวิวสวยสุดสายตา บนชั้น 49 ทั้งยังเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อมด้วยแนวคิด Eco Urban ที่ใช้หลอดไฟประหยัดพลังงานทั้งตัวอาคาร

2.) โครงการแอชตัน เรสซิเดนซ์ 41 บนทำเลที่ดีที่สุด (สุขุมวิท 41) คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ Low-Rise สูง 8 ชั้น  จำนวน 79 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,361 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท  ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางสุขุมวิท ใกล้สถานีบีทีเอสพร้อมพงศ์เพียง 600 เมตร สุนทรียะใหม่ในการอยู่อาศัยใจกลางเมือง เน้นการออกแบบเพื่อตอบสนองการอยู่อาศัย ปรับเปลี่ยนชีวิตให้กลมกลืน กับธรรมชาติ  เน้นความเป็นส่วนตัวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

3.)โครงการไอดีโอ คิว ชิดลม  สูง  38 ชั้น จำนวนประมาณ 400 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,543 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท   ที่สุดของความสมบูรณ์แบบในการอยู่อาศัยใจกลางเมือง “Ideo Q Chidlom”อัตลักษณ์การออกแบบเฉพาะตัว “ Savy Design “ พร้อมตอบสนองทุก Urban lifestyle ที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ รายล้อมด้วยศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ชั้นนำย่านชิดลมอย่าง เซ็นทรัลชิดลม เซ็นทรัลเอ็มบาสซี เกษรพลาซ่า เซ็นทรัลเวิลด์

4.)โครงการยูนิโอ คอนโด ( UNIO  Condo ) Super Value Condominium ในแบบ Low rise สูง 8 ชั้น จำนวน 1,936 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,935 ล้านบาท ราคาเดียวเพียง 999,000 บาท ตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 และใกล้ MRT สถานีท่าพระ 900 เมตร ซึ่งเป็น Interchange ของสายบางซื่อ-ท่าพระ และสายหัวลำโพง-บางแค รูปแบบใหม่ของทางเลือกในการอยู่อาศัยจาก   อนันดาฯ  ที่ให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ในแบบที่คุณต้องการ เพิ่มพื้นที่ส่วนตัวที่มากขึ้น ในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ ด้วยแนวคิดที่ว่า “รูปแบบการใช้ชีวิต… ไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณอีกต่อไป” “Style Not About The Money”

 

นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าบุกตลาดแนวราบในเซ็กเม้นท์ทาวน์โฮมภายใต้การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “อาร์เด้น (Arden)

3 โครงการ มีมูลค่ารวม 2,940 ล้านบาท ตั้งอยู่ใน 3 ทำเลเด่นของกรุงเทพฯ ได้แก่ พระราม 3, พัฒนาการ 20 และ ลาดพร้าว 71 แต่ละทำเลต่างมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องของการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่ใกล้เคียงสำคัญๆ ที่รายล้อม ได้แก่

1.) โครงการ อาร์เด้น ลาดพร้าว 71 จำนวน 67 ยูนิต  มูลค่าโครงการ 579 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านบาท เน้นการสร้างบริบทใหม่ของชีวิตเมือง เพียง 3.8 กม.ถึงเซ็นทรัลเฟสติวัล เดินทางสะดวกเพียง 3.5 กม. ถึงทางด่วนอาจณรงค์-รามอินทรา , 6.7 กม. ถึง MRT ลาดพร้าว, 4.1 กม. ถึง MRT โชคชัย 4 (ในปี 2022) ใกล้โรงพยาบาลเปาโล  และสถานศึกษาชั้นนำ โรงเรียนสตรีวิทยา 2  โรงเรียนบดิทรเดชา  โรงเรียนสาธิตเกษตร  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์    รายล้อมด้วยไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ Central Festival East Ville  ,CDC, Chic Republic ,The Walk, The Festival walk, Nawamin City Avenue, Crystal Park

2.) โครงการ อาร์เด้น พระราม 3 จำนวน 68 ยูนิต  มูลค่าโครงการ 1,074 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 12.5 ล้านบาท  ทำเลศักยภาพให้คุณใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างเต็มที่ เพียง 5 นาทีถึงถนนสีลม และ 5 กม. ถึงถนนสาทร เพียง 2.2 กม. ถึงทางด่วนเฉลิมมหานคร, 1.5 กม. ถึงสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมสถานศึกษาเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนนานาชาติเซนต์ แอนดรูว์ส สาทร ท่ามกลางแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ เซ็นทรัลพระราม3, โลตัส พระราม3, เอเชียทีค

3.) โครงการ อาร์เด้น พัฒนาการ 20 จำนวน 159 ยูนิต  มูลค่าโครงการ 1,287 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านบาท ทำเลศักยภาพให้คุณใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างเต็มที่ เพียง 3 นาทีถึงทองหล่อ เพียง 1.5 กม. ถึงทางด่วนพัฒนาการ และ5 กม. ถึง BTS สถานีอ่อนนุช เชื่อมต่อชีวิตเมืองได้อย่างลงตัว

 

 

โดยบริษัทเตรียมจัดงาน Exclusive Presales นำคอนโดมิเนียมใหม่ 3 โครงการคุณภาพ ได้แก่ แอชตัน จุฬา – สีลม แอชตัน เรสซิเด้นท์ 41 และ ไอดีโอ คิว ชิดลมมาเปิดให้ลูกค้าคนพิเศษของบริษัทสมาชิก AMC  (Ananda Member Club) ได้จองซื้อก่อนใคร ในงาน AMC Exclusive Premier Launch และสำหรับลูกค้าผู้สนใจที่ได้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ananda.co.th โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งงานรอบลูกค้า AMC จะจัดขึ้นในวันที่ 21 มี.ค. นี้ ส่วนรอบลูกค้าทั่วไปที่ลงทะเบียนจะจัดขึ้นในวันที่ 22 มี.ค. นี้ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงค์คอก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 02-316-2222

 

“นอกจากนี้ในส่วนของกระแสเงินสดของบริษัทยังมีความแข็งแกร่งโดยเรามีนโยบายในการรักษาระดับเงินสดในบริษัทอย่างน้อย 1,000 ล้านบาทอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลายสามารถเลือกขึ้นมาใช้ได้ตามสถานการณ์ แม้ว่าบริษัทจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็ยังคงรักษาความวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด พร้อมดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุน ต่ำกว่า 1:1” นายชานนท์ กล่าวสรุป

 

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้นำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้น 96% ในอัตราหุ้นละ 0.098 บาท จาก 0.05 บาท ในปีก่อน